“แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมอฟัน” สุขภาพช่องปากและฟันมีแค่นี้จริงหรือ?

“แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมอฟัน” สุขภาพช่องปากและฟันมีแค่นี้จริงหรือ ?

ถ้าให้บอกประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลช่องปากของคน 1 คนมีอะไรบ้างนะ? เราขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่หลายคนคงคิดเหมือนกัน

“กิจกรรมที่ไม่สนุก”

ตั้งแต่เด็ก กิจกรรมการแปรงฟัน จะถูกบังคับให้เกิดขึ้นโดยพ่อแม่มาตลอด ผ่านความรู้บ้าง การดุบ่นให้กลัวบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่า “ระวังคุณหมอดุนะ” “ไม่แปรงฟันเดี๋ยวฟันผุ จะโดนคุณหมอถอนฟันเจ็บมาก”

การรับรู้ผ่านคำสอนต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้รู้สึกว่าการ “แปรงฟัน” นั้นน่าเบื่อและไม่สนุก เป็นเหมือนเป็นหน้าที่ต้องทำให้จบ ๆ ไปโดยปริยาย

และด้วยเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ  บางครั้งอาจจะมีวันที่ความขี้เกียจของเราชนะหรือบางที เราก็ “ลืม” แปรงฟัน

ทำให้นอกจากการโกหกพ่อแม่ว่าแปรงฟันแล้ว วันรุ่งขึ้น ฟันเราก็ยังอยู่ครบ กินข้าวและพูดคุยได้ปกติ ส่งผลทำให้คิดว่า “การแปรงฟัน = สิ่งที่ไม่จำเป็น”

นี่ยังไม่นับรวมภาพจำของผู้สูงวัยที่เรารับรู้ตอนเด็ก ๆ ว่าเมื่อถึงวัยชรา การมีผมขาว หลังค่อมถือไม้เท้า รวมถึงของภาพของฟันหมดปาก หรือไม่ก็ใส่ฟันปลอม เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ทำให้หลายคนเข้าใจอีกว่า การดูแลรักษาฟัน นอกจากจะไม่สนุก ไม่จำเป็น และสุดท้ายตอนเราแก่ไป ฟันก็จะหลุดออกจากปากหมดอยู่ดี

“หมอซ่อมปาก”

นอกจากการแปรงฟันทุกวันแล้ว หนึ่งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับช่องปาก ก็คงจะไม่พ้นหมอฟันที่เราไปหาตามคลินิค

ในวันที่เราจะไปหาหมอฟัน เราจะตั้งใจแปรงฟันกันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแปรงให้นานขึ้น แปรงให้แรงขึ้น (หวังว่าหินปูนจะหลุดออก ซึ่งก็ไม่) บ้างก็ใช้น้ำยาบ้วนปากทั้ง ๆ ที่ปกติก็แทบไม่ได้ใช้เลย ความรู้สึกเหมือนทำอะไรผิด แล้วต้องไปให้คุณครูตรวจ (ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนเลือกที่จะไปเอง)

การพบปะกับหมอฟัน จะเป็นความรู้สึกด้านลบไปซะมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องโดนหมอฟัน ดุ บ่น ความเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างขูดหินปูน และค่าใช้จ่ายในตอนจบ

และเชื่อว่าหลังก้าวเท้าออกจากคลินิค ทุกคนจะมีความรู้สึกเหมือนเวลาที่เราไปกินบุฟเฟ่ต์แล้วมีความตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปวิ่งเพื่อดูแลหุ่นตัวเอง

ฉันจะเริ่มตั้งใจแปรงฟันและดูแลช่องปากตามที่คุณหมอแนะนำ!!

แต่…

พอผ่านไป 2-3 สัปดาห์ (หรือบางคนก็แค่วันเดียว) ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม เป็นอย่างนี้วนเป็น Loop ไปเรื่อย ๆ

หินปูนขึ้นก็มาให้หมอขูดออก

ฟันจะผุก็อุด

ซี่ไหนหนักหน่อยก็ถอนออก

สุดท้ายลงเอยที่ถ้าเป็นอะไรเกี่ยวกับฟัน ก็แค่ให้หมอฟันซ่อม ก็จบแล้ว

“แปรงสีฟันอะไรก็ได้”

ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็จะกลุ่มคนที่เชื่อและปฎิบัติตามที่คุณหมอแนะนำแน่นอน ทั้งการแปรงฟัน 2 นาที ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ตามที่บอกหรือใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังแปรงฟัน

แต่ไม่ว่าจะคำแนะนำที่ดีขนาดไหน พอถึงเวลาซื้ออุปกรณ์ที่จะตอบโจทย์ที่คุณหมอแนะนำมา ซึ่งสถานที่จะไม่พ้นร้านสะดวกซื้อทั่วไป ร้านเหล่านี้จะมีอุปกรณ์ช่องปากมากมาย เรียงรายอยู่

คำถามเบา ๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นตอนไปซื้อก็คือ

1. แปรงไหนที่เหมาะสำหรับเรา

2. ความนุ่มแข็งของขนแปรง แบบไหนถึงเหมาะสม

3. ขนแปรงเรียวแหลมมันช่วยได้จริงๆ หรอ

4. ฟลูออไรด์ปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม

เป็นคำถามเบา ๆ ที่เราอาจไม่รู้คำตอบได้ เพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันไหนดีหรือแย่กว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ เราจะรู้ว่าอันไหน “ถูก” กว่ากันแน่นอน

หลังจากตัดสินใจ ส่วนใหญ่หลาย ๆ คนก็จะเดินออกมาพร้อมกับแปรงสีฟันโปรโมชั่นที่ซื้อ 2 แถม 1

พร้อมกับปลอบใจความไม่รู้ของเราว่า มันก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นเขาเอามาขายไม่ได้หรอก ที่เราเห็น มันก็แค่การตลาดที่เขาตั้งใจจะโปรโมทให้ต่างกัน แค่นั้นเอง

“ใช้อะไรก็ได้ ไม่ได้ต่างกัน” คงเป็นคำนิยามที่สำหรับอุปกรณ์ในช่องปากสำหรับหลาย ๆ คน

แต่ที่ DragCura อยากบอกทุกคนคือ

“สุขภาพในช่องปาก ไม่ใช่เรื่องอะไรก็ได้”

เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น สุขภาพจะเสื่อมลง รวมถึงสุขภาพฟันด้วย และผลของการไม่ได้ดูแลสุขภาพปาก ก็เริ่มจะแสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นฟันที่เริ่มผุจากการไม่ใส่ใจ  เหงือกร่นที่เกิดจากการแปรงฟันแรงไป หรือโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากช่องปาก (โรคหัวใจในผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งเบาหวาน ก็ล้วนมีสุขภาพในช่องปากมาเกี่ยวข้อง)

ภาพจำตอนเด็กที่มีกับผู้สูงอายุก็จะได้พบเจอได้กับตัวเอง ฟันที่ค่อย ๆ หายไป ก็จะส่งผลให้ พูดไม่ค่อยได้ (ฟันไม่ครบออกเสียงไม่ชัด), รับรสชาติอาหารก็ไม่ได้ (ใส่ฟันปลอม), กินอะไรก็ไม่ได้ (ไม่มีฟันเคี้ยว)

ความสุขในการใช้ชีวิตก็คงน้อยลงอย่างแน่นอน

ดังนั้นขอย้ำว่า “สุขภาพในช่องปาก ไม่ใช่เรื่องอะไรก็ได้” ซึ่งร้าน DragCura เล็งเห็นถึงความไม่รู้ในการเลือกอุปกรณ์ในช่องปาก

และความไม่รู้ว่าสุขภาพปากสามารถดูแลในเชิงป้องกันไม่เกิดโรคได้ด้วยตัวเอง เราจึงคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อช่องปาก และไม่ก่อให้เกิดอันตรายทั้งในมุมผู้บริโภค ใช้งานดีในมุมของทันตแพทย์ พร้อมกับการให้คำแนะนำในเชิงป้องกันผ่านพนักงานที่ผ่านการอบรมจากทันตแพทย์โดยตรง

ไม่จำเป็นต้องรอให้สุขภาพปากแย่ลง แล้วค่อยเริ่มดูแล

เพราะสุขภาพปากที่ดีสามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง

ไม่ใช่อุปกรณ์อะไรก็ได้

เพราะสุขภาพปากที่ดี เราเลือก(อุปกรณ์)ได้

ซึ่งต่อให้ทุกคนมีสุขภาพปากที่ต่างกัน

แต่ทุกคนสามารถมีสุขภาพปากดีที่ได้ที่ DragCura

คำเตือน: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพช่องปากทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับอาการหรือการรักษาทางการแพทย์ โปรดขอคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม